สำหรับมนุษย์เงินเดือน ที่กำลังเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตการทำงานและเริ่มมองหาธุรกิจเป็นของตัวเอง ในปัจจุบันนี้จากที่ได้ยินมาจากคนใกล้ตัวส่วนมาก ว่าออกไปแล้วจะไปทำอะไรกิน ประมาณ 8 ใน 10 คนบอกว่า ‘ ว่าจะออกไปทำร้านกาแฟว่ะ ’ เพราะมันสามารถขายได้ทั่วทุกสารทิศ โดยเฉพาะอากาศร้อนๆอย่างเมืองไทย ไม่ว่าใครก็ย่อมอยากกินน้ำเย็นๆ อีกทั้งยังเป็นทักษะไม่ต้องเสียเวลาเรียนนาน เรียนรู้จบก็สามารถนำไปประกอบอาชีพได้เลย…
เท่าที่ฟังมามันก็ดูดีทีเดียว อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนให้เจ้านายที่ไม่เคยเห็นหัวลูกน้อง โขกสับในแต่ล่ะวัน แต่อีกใจหนึ่งฉันก็คิดว่ามันค่อนข้างมีความเสี่ยงสูงอยู่สักหน่อย เพราะคนไม่เคยประกอบธุรกิจจู่ๆก็หุนหันพลันแล่นกระโดดออกไปทำ มันจะเวิร์คจริงๆเหรอ…
เท่าที่ฉันเคยอ่านมา ฉันพบว่าความจริงแล้วการเปิดร้านกาแฟนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรอะไรเท่าไหร่นักหรอก แต่สิ่งสำคัญคือ การทำให้ร้านอยู่ยืนยาวต่างหาก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันซึ่งมีการแข่งขันทางการตลาดสูงมาก
ไหนจะปัจจัยเรื่องของรสชาติ ต่อให้ร้านเก๋แค่ไหน ถ้ารสชาติไม่ผ่านคนก็เข้ามาเพียงรอบเดียว รวมทั้งขนมเข้าคู่กัน ถ้าเลือกไม่เป็นก็ยิ่งสร้างหายนะมากขึ้นเข้าไปอีก เพราะมันอาจกลบรสชาติของกาแฟไปได้ ต่อมาปัจจัยที่ 2 เรื่องของ ทำเลที่ตั้ง รวมทั้งการตกแต่งร้าน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งต้องดูให้ดีๆ ทั้งเรื่องว่า มีผู้คนเดินผ่านไปมาเยอะแค่ไหน , มีคู่แข่งหรือไม่ , กลุ่มลูกค้าคือใคร เป็นต้น นอกจากนี้อย่าลืม วัตถุดิบในการชงกาแฟ และการให้บริการลูกค้าอีกด้วย ไหนจะเริ่มมองหาตั้งแต่แก้วกาแฟ , เมล็ดกาแฟ ,หม้อต้ม และอื่นๆ โดยเฉพาะแก้วกาแฟ เป็นสิ่งที่หลายๆคนมักไม่ใส่ใจ แต่ความจริงแล้วแก้วกาแฟก็เปรียบเสมือนเป็น Packaging ให้กับสินค้าของเรา หากลูกค้าถือแก้วแล้วรู้สึก ดูดี โก้หรู ก็จะทำให้ลูกค้ารู้สึกดีอีกด้วย อีกทั้งในเรื่องของการเลือกเมล็ดกาแฟชั้นเยี่ยม มีกลิ่นหอมชวนผ่อนคลาย ช่วยเรียกแขกเข้าร้าน ก็ต้องเลือกให้เป็นนะจ๊ะ